HPV
Human Papilloma Virus
เชื้อไวรัส HPV คืออะไร?
ไวรัส Human Papilloma Virus (HPV) เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดรอยโรคได้ทั้งเพศชาย และเพศหญิง ไม่ว่าจะเป็น โรคหูดบริเวณอวัยวะเพศ (genital wart) มะเร็งบริเวณปากมดลูก (cervical cancer) มะเร็งทวารหนัก (anal cancer) มะเร็งบริเวณลำคอ (neck cancers) และอวัยวะเพศชาย (penile cancer) เป็นต้น
ความชุกของโรค (prevalence) จะแตกต่างกันตามอายุและเพศ โดยในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า เพศหญิงพบมากที่สุดในอายุ 20-24 ปี พบความชุกสูงถึง 60% ส่วนในเพศชายพบมากที่อายุ 25-29 ปี สูงถึง 50% บางรายที่ติดเชื้อไปแล้วอาจมีโอกาสหายจากโรค แต่ในบางรายโรคอาจจะพัฒนาต่อไปเป็นเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน
การติดต่อของไวรัส HPV
ส่วนใหญ่ (99%) เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (genital contact) รวมไปถึงการทำ oral sex และการติดต่อจากแม่สู่ลูก (vertical transmission) โดยสายพันธุ์ของไวรัส HPV ที่พบบ่อยๆ ในประเทศไทยที่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้แก่ สายพันธุ์ 16 (53.3%), 18 (14.3%), 58 (9.8%), 52 (6.2%) เป็นต้น
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีน HPV?
วัคซีนนี้ฉีดได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (men who have sex with men; MSM) โดยคณะอนุกรรมการมะเร็งวิทยานรีเวช ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย มีความเห็นว่า ควรให้วัคซีนในทั้งเพศชายและเพศหญิงอายุตั้งแต่ 9-26 ปี ส่วนบุคคลที่มีอายุ 27 ปีเป็นต้นไปอาจจะต้องพิจารณาเป็นรายๆ โดยหวังลดโอกาสการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจจะพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งในอนาคต
ประสิทธิภาพของวัคซีนจะดีที่สุด ถ้าได้รับก่อนวัยที่มีเพศสัมพันธ์ และไม่จำเป็นต้องมีการตรวจการติดเชื้อก่อนการรับวัคซีน โดยเฉลี่ยแล้ว วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงถึง 70% และ HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงถึง 90% และวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนั้น แนะนำในอายุ ตั้งแต่ 9 ปี เป็นต้นไป
โดยถ้าอายุ 9-14 ปี นั้นสามารถรับวัคซีนเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน
แต่ถ้าอายุตั้งแต่ 15 ปี เป็นต้นไป รับวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ได้แก่ 0, 2 เดือน และ 6 เดือน
